ดึงสติ เพลาๆการดึงดาว ลดการกาว กันก็จะดี

ช่วงหลังนี้ เห็นคนพยายาม รวยเร็ว รวยลัด ประมาณว่าโยนเงินลงไปเหอะ ยังไงก็รวย ยังไงก็ได้เงิน 10x 20x ไม่ว่าจะ ตระกูล safe, ตระกูล Dog, ตระกูล Elon และอื่นๆอีกมากมาย

ยิ่งทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้น ว่าตอนนี้ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐาน หรือเหตุผลอะไรกันอีกต่อไปแล้ว

และทั้งหมดนี้ ผมเชื่อว่า มันก็จะเละเทะไปจนถึงจุดอิ่มตัว ที่ไปต่อไม่ได้อีกแล้ว ถึงจุดนั้น ทุกอย่างมันจะพังทลายลงมา ด้วยความรวดเร็ว รุนแรง ยิ่งดึงดาวกันมาก กาวกันหนัก ตอนพังก็ยิ่งพินาศมาก

สุดท้าย หลายคนก็จะกลับมาโจมตีว่า Cryptocurrency, DeFi, Blockchain เนี่ย มันเหมือนการพนัน เหมือนที่ยุคหนึ่งเคยโดนโจมตีมาแล้ว ว่ามันคือแชร์ลูกโซ่ ถ้าคุณคิดแบบนี้ ก็เพราะคุณคือหนึ่งใน Looser นั่นเอง (ยอมรับเถอะ)

แต่สำหรับคนที่ศรัทธา และได้กำไรอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ใช้ตลาดนี้สร้าง money printer ให้ตัวเอง ได้จากใน Cryptocurrency, DeFi, Blockchain ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป ทุกอย่าง มันมีวัฏจักรของมันเสมอ มันเป็นอย่างนั้น และมันก็จะเป็นต่อไป ไม่เชื่อ ก็ไปดูประวัติ ตลาดทองคำ, ตลาดการเงิน และอื่นๆ

ถ้าคุณเข้าซื้อช่วง 1930 เพราะคิดว่าไปต่อ ผมไม่แน่ใจว่า คุณจะทนรอมันกลับมาเพื่อจะ ‘เท่าทุน’ ได้มั้ย? (ต้องจินตนาการว่าไม่รู้อนาคตด้วยนะ)

เวลาที่มันเกิดการปฏิวัติขึ้น มันไม่ได้เริ่มต้น จาก 0 ไป 100 แบบเส้นตรง มันจะไม่เป็นอย่างนั้น และไม่เคยมีอะไรเป็นอย่างนั้น

มันจะต้องเผชิญบททดสอบระหว่างทางมากมาย

มีขึ้นแล้วก็ต้องมีลง เพื่อที่จะขึ้น เป็นธรรมชาติไปเรื่อยๆ แต่สุดท้าย เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราอยู่กับมันได้นานแค่ไหน เข้าใจมันอย่างดีพอหรือเปล่า (แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง ที่ขึ้นแล้วลง แล้วจะกลับมาขึ้นได้อีก ไม่ใช่เลย ดังนั้นติดดอย ก็ไม่ได้แปลว่ารอได้เสมอไป)

ราคา XRP ตอนนี้ คนที่อยู่บนดอย 2018 ยังนิ่งผิงไฟอยู่เลยนะ ผ่านไป 3 ปีแล้ว ไม่มีคณะไหนแวะมารับสักที ตอนนั้นเป็น Cryptocurrency อันดับที่ 2 เลยทีเดียว

เพราะช่วงที่ผ่านมา มีคนได้กำไรไปเยอะมาก มันเปลี่ยนชีวิตคนไปเยอะมาก แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ยังคงขาดทุน ซึ่งผมเข้าใจคนเหล่านั้นนะ ผมเข้าใจดีเลยล่ะ เพราะผมก็เคยเป็นคนที่ขาดทุน ในช่วงตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นมาก่อน เหตุผล ง่ายๆเลย เพราะเราไม่ได้เข้าใจอะไรมันดีพอนั่นแหล่ะ

มีคนพยายามบอกว่ามันเป็น zero sum game แต่ความเป็นจริง มันทั้งใช่และไม่ใช่ ขึ้นอยู่กับคุณกำลังแหย่กับอะไร ถ้าแหย่กับ Future market ก็เป็น zero sum game ถ้าแหย่กับ Trading Token , DeFi (เช่นพวก ฟาร์ม) มันก็ไม่ใช่ จะเหมารวมไปทุกอย่างไม่ได้

มีคนพยายามบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ที่มันจะเปลี่ยนระบบการเงินของโลก เพราะไม่มีธนาคารกลางประเทศไหนยอมเสียเอกราชทางการเงินไปแน่นอน ผมก็ว่ามันทั้งใช่และไม่ใช่อีก ที่มันไม่ใช่คือ มันไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้ทุกอย่างมันเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าดีก็เอามาใช้ได้เลย ปีหน้าเรามี THB Token ใช้กัน มันยังเร็วไป การจะทำได้ มันมีเรื่องที่ต้องคิดอีกเยอะมาก เพราะมันผูกกับระบบการเงินปัจจุบันอยู่เยอะ เอาง่ายๆเลยถ้าจะมีใช้จริง ระบบธนาคาร สถาบันการเงินตอนนี้พร้อมจะ settled มันในระบบหรือยัง แค่นี้ ก็ต้องรื้อ core bank กันกระจุยแล้ว เพราะมันไม่ใช่ digital unit number ธรรมดา เหมือนอย่างตัวเลขในบัญชี ที่เราเชื่อกันตอนนี้ หรือถ้าเอามาใช้เลย ไม่ต้องผ่านธนาคารอีกต่อไปแล้วไง ตาม concept นั่นจะทำให้เงินไหลออกจากระบบมหาศาลทันที คราวนี้จะไปส่งผลในภาพใหญ่แทน ดังนั้น มันไม่ง่ายแค่มี technology ก็ implement ใช้ได้เลย แต่ ผมก็คิดว่ามันจะเปลี่ยนระบบการเงินได้จริง แต่ไม่ใช่ตอนนี้เวลานี้ปีนี้ หรือในอีกไม่กี่ปีนี้ มันต้องมีวิวัฒนาการ มีการปรับตัวไปเรื่อยๆอยู่ มันต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ

นี่ไง ผมถึงได้บอกว่า ทุกอย่างมันมีธรรมชาติ มีเวลาของมัน มันจะไปต่อได้ ผมเชื่อมั่น แต่มันจะไปต่อในรูปแบบไหน ยังไง นั่นแหล่ะที่ต้องปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวเฉลย

อยากให้ทุกคนมองมันเป็นเรื่องการลงทุน มากกว่า มองว่ามันเป็นเรื่องของการพนัน การลุ้นโชค

ถ้า mind set คุณได้แล้ว คุณจะไม่มี bias และมองตามจริง และจะเห็นตามจริงด้วย

เมื่อรู้แจ้งเห็นจริง คุณจะเห็นว่า ช่วงไหน อะไร คือสิ่งที่สร้างเงินได้ ด้วยความเสี่ยงเท่าไร ยังไง มอง Risk : Reward ออก และเมื่อเห็นได้ตามนั้นแล้ว คุณจะมีเวลาทั้งชีวิต ในการสร้างเงินขึ้นมา โดยไม่เสียทุน หรือเสียทุนไปในระดับที่น้อยที่สุด นั่นแหล่ะ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ของการลงทุนแล้ว

ยกคำเค้า (ใครไม่รู้) มาอีกที
นักลงทุน มองความเสี่ยง ก่อนผลตอบแทน
นักพนัน มองผลตอบแทน ก่อนความเสี่ยง

และคุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ในเกมยาว (อย่างน้อยก็ตลอดชีวิตของคุณ) นักลงทุนจะชนะ และได้เงินก้อนใหญ่ไปใช้ทั้งชีวิต ส่วนนักพนัน ก็จะรวยท่วมๆ ในเวลาไม่นาน และ กลับมาหมดตัวเสียทุนได้ในเวลาไม่นานนักเช่นกัน ระยะยาวไม่สามารถสู้นักลงทุนได้เลย

ถ้า mind set ถูก เราจะใช้มันหาเงินไปได้ทั้งชีวิต ไม่ว่า อีก 10 ปี จะมีหรือไม่มี Cryptocurrency, DeFi, Blockchain หรือไม่ก็ตาม (มันอาจจะปฏิวัติตัวเองไปเป็นอย่างอื่นแล้วก็ได้)

ดังนั้น ตั้งสติ วางกาว เลิกดึงดาว แล้วมองตามจริง

ป.ล.เขียนเหมือนตอนนี้ตลาด crash แล้ว? ยัง มันยังไม่ crash แต่ใครจะรับประกัน ว่ามันจะไปไหนต่อได้ ผมก็ไม่รู้หรอก แต่ทั้งหมด มันคือกลไกทางความคิด ที่ผมใช้พิจารณาและมองตลาดตามความเป็นจริง ช่วงที่ผ่านมาเป็นขาขึ้น ผมก็นั่งติดรถขึ้นมาด้วย ไม่เห็นว่าต้องปฏิเสธมันเพื่ออะไร

เราไม่ต้องสวนตลาด ด้วยการบอกว่ามันกลวง แล้วไม่ได้ทำเงินกับมันตอนขาขึ้น เพื่อสุดท้ายจะไปยิ้มเยาะ ตอนตลาด crash

แต่ผมจะ ศึกษาเพื่อให้เข้าใจ และทำเงินกับมัน ทั้งตอนขาขึ้น และตอนที่ crash หรือขาลง เลย

แค่นั้นเอง ไม่เห็นยาก

ป.ล.2 พวกเหรียญซิ่ง ที่ผมไม่ตาม พื้นฐานความคิดคือ ผมไม่มีเวลาติดตามมัน พี่เล่นสร้างใหม่กันวันละเป็นร้อยเหรียญ จะตามยังไงไหว (มันมีเครื่องมือที่แสดงเหรียญออกใหม่อยู่แบบ real time, โห เหรียญออกใหม่ไหลเป็นสายน้ำเลย) ผมเลย เล่นง่ายว่า ถ้าของมันดีจริง เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองแหล่ะ ถึงเวลาที่มัน rise up แบบมั่นคง ความสวิงมันจะต่ำมาก เราก็ไปกับมันแบบสบายๆ เหมือนนั่งเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วย Jet มันจะนิ่ง นุ่ม กว่าเครื่องบินใบพัด ฉันใดฉันนั้น ทุนยังอยู่ mind set ได้ มีเวลาทั้งชีวิตครับคุณ จะรีบไปไหนกัน แค่ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง 365 วัน ไม่มีพักกลางวันกินข้าว นี่ก็รีบสุดๆแล้วนะ