APR กับ APY เอามาใช้ดักคนที่ไม่เข้าใจได้ไม่ยากเลย หลายเว็บตั้งใจวางเอาไว้เพื่อล่อว่าเราให้ผลตอบแทนเยอะนะ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นหลุมพราง
APR คือ Annual Percentage Rate
จำง่ายๆว่า ผลตอบแทนที่จ่าย แบบไม่เอาดอกทบต้น
หมายความว่า ถ้าเราฝากเงิน 100 บาท โดยจ่าย APR 10% ผ่านไป 365 วัน เราจะได้เงินออกมา 10 บาท จบ
และถ้าเราไม่ reinvest (คือการเอา 10 บาทไปฝากเพิ่ม) ผ่านไปสิ้นปีที่ 2 ก็จะได้อีก 10 บาท เพราะต้นเท่าเดิม
APY คือ Annual Percentage Yield
จำง่ายๆว่า ดอกทบต้น แต่ด้วยความถี่เท่าไร อันนี้แล้วแต่ระบบคำนวณ ต้องอ่านเอาเอง หรือ เค้าอาจจะไม่ได้ reinvest ให้เรา แต่เราต้องทำเอง เป็นต้น
หมายความว่า ถ้าเราฝากเงิน 100 บาท โดยจ่าย APY 10% โดยข้อกำหนดต้องมา reinvest ทุกวัน ผ่านไปวันแรก เราจะได้ดอก 0.027397260บาท เราก็มาเก็บตรงนี้ ไปทบเป็นเงินต้น วันที่สอง เงินต้นเราคือ 100.027397260 จะทำให้ ดอกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะต้นเราเพิ่มขึ้นแล้ว ก็เก็บไปทบต้นต่อ ทำไปจนครบ 365 วัน จะสรุปได้ว่า เราจะได้ดอกเบี้ย 10.52 บาท รวมเป็น 110.52 บาท
จะเห็นได้ว่า rate เท่ากัน แต่ผลลัพท์ไม่เท่ากัน ดังนั้น ดูดีๆ เว็บที่เราไปลง เค้าจ่าย APR หรือ APY
ถ้า APR เนี่ย ถือว่าไม่หมกเม็ดเท่าไร
ถ้า APY เนี่ย ต้องแคะต่อให้ดีๆ ว่าเค้า เอาดอกมาทบต้นให้เรา วันละกี่ครั้ง (ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ค่อยบอกกันหรอก)
ตัวอย่าง CAKE-BNB คู่นี้ให้ APR 228.63% แต่ถ้าเรา มาเก็บ cake เพื่อ reinvest กลับไป ทุกวัน วันละครั้ง เราจะได้ APY 876.90% เลยทีเดียว ดังนั้นแค่เปลี่ยน APR <> APY ก็ให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันอย่างมากมายเลยทีเดียว
APR หรือ APY ดีกว่ากัน
ถ้าเราตั้งใจจะเอาดอกมาทบต้น ให้เลือก APR สูงๆไว้ก่อน เพราะผลตอบแทนต่อวันจะได้เยอะกว่า APY ที่มีเลขใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเราไม่มีเวลาเลย และตั้งใจจะอยู่ยาวเป็นปี แบบนี้ APY ที่สูงๆ กว่า APR มากพอควร จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ถ้าตัวเลขเดียวกัน เลือก APR จะดีกว่า
วิธีแปลง APR ไปกลับ กับ APY
เว็บนี้เว็บเดียว จบ https://mindyourdecisions.com/blog/apr-to-apy-converter/
ดังนั้นก่อนจะลง ก็ดูให้ดีก่อนว่าเว็บเค้าจ่ายเป็น APY หรือ APR ถ้า APR 100% เทียบ APY 100% ก็เลือก APR แบบไม่ต้องสงสัยเลย