เงิน เรื่องใกล้ตัวแต่เราไม่ได้คิดถึง

เรื่องของเงินเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคุณทุกคนอย่างแน่นอน แต่กลับเป็นเรื่องที่เราใส่ใจและศึกษามันน้อยที่สุด เหตุผลหนึ่งก็คือ คนที่เขาเสียผลประโยชน์ เขาไม่อยากให้เราเข้าใจเรื่องของเงินอย่างแท้จริง แต่เมื่อเราเข้าใจเรื่องของเงินอย่างแท้จริงแล้ว เราจะมีความเข้าใจในกระบวนการทำงานของเงิน และผลกระทบกับชีวิตของเรามากขึ้น ซึ่งนี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่เราควรจะต้องรู้และทำความเข้าใจ

ผมจะไม่เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าเบื่ออย่างคำนิยามว่าเงินคืออะไร แต่จะใช้วิธีการเล่า สิ่งที่เงินควรจะต้องเป็นเพื่อให้เข้าใจความเป็นธรรมชาติของเงิน 

ธรรมชาติของมนุษย์

ย้อนไปที่ธรรมชาติของมนุษย์เรานั้น เป็นสัตว์สังคม นั่นหมายความว่าเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกับเรา และหนึ่งในปฏิสัมพันธ์นั่นก็คือการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างกัน เพราะธรรมชาติของมนุษย์ต่างมีความถนัดและความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางคนอาจจะถนัดในการจับปลา แต่บางคนอาจจะถนัดในการปลูกพืช บางคนก็ถนัดในการเลี้ยงปศุสัตว์ ซึ่งเมื่อแต่ละคนได้สร้างผลผลิตในสิ่งที่ตัวเองถนัดขึ้นมาแล้วนั้นและมีความต้องการในการบริโภคของที่แตกต่างไปจากที่ตัวเองสามารถผลิตได้ ก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นระหว่างกัน 

การแลกเปลี่ยนระหว่างกันจะสมบูรณ์ได้โดยหลักการพื้นฐานง่ายๆก็คือ การแลกเปลี่ยนนั้นจะเป็นที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย เพราะถ้ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พึงพอใจการแลกเปลี่ยนก็จะไม่เกิดขึ้น 

นั่นคือการแลกเปลี่ยนที่เป็นขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษยชาติเรา จะเห็นว่าการแลกเปลี่ยนนั้นสามารถนำของสิ่งหนึ่งแลกเปลี่ยนกับอีกสิ่งหนึ่งได้ทันที ไม่ต้องอาศัยตัวกลางอะไรเลย 

แต่ปัญหาของการแลกเปลี่ยนแบบนี้ก็เกิดขึ้น เพราะว่าเราไม่สามารถเก็บผลผลิตที่เราสร้างขึ้นมาในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าอายุของมันได้ เช่น ถ้าเราจะเอาปลา รวมจำนวน เพื่อเอาไปแลกบ้าน ปลาก็น่าจะเน่าตายเป็นส่วนใหญ่ก่อนที่จะแลกบ้านได้ทั้งหลัง อีกทั้ง เราเลี้ยงไก่เมื่อครบกำหนดที่จะต้องนำไปเชือดขาย เราไม่สามารถเก็บไก่ตัวนั้นไว้อีกนาน 2-3 ปีเพื่ออยากจะใช้ในอนาคตได้ (ผลิตก่อน และเก็บไว้ใช้ทีหลัง) มนุษย์เราจึงมีวิวัฒนาการในการหาสิ่งใดสักสิ่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้ในการเก็บมูลค่าของผลผลิตที่เราสามารถสร้างขึ้นมาในวันนี้เอาไว้ได้ สิ่งนั้นเมื่อก่อนก็เป็นเปลือกหอย เป็นเกลือ เป็นก้อนหิน และอีกหลายอย่าง แต่สังคมมนุษย์ได้ตกลงร่วมกันว่า นี่คือสิ่งที่มีค่าและเทียบแทนได้กับไก่ 1 ตัว หรือผัก 1 กำ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเปลือกหอย เกลือ หรือ ก้อนหิน นอกจากจะทำหน้าที่เก็บมูลค่าในระยะยาวได้ เพราะไม่เน่าเสีย ยังสามารถทำอีก 1 หน้าที่คือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เพราะกลุ่มคนที่ใช้ได้ตกลงกัน และในการยอมรับสิ่งเหล่านั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลิตภัณฑ์ที่เขาเหล่านั้นได้สร้างขึ้นมา 

ความโลภ

สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวนั่นก็คือ ความโลภ ไม่ว่าใครก็ตามล้วนมีความโลภทั้งนั้นเพียงแต่จะโลภมากหรือน้อยและสามารถยับยั้งชั่งใจได้มากน้อยแค่ไหนนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  โดยความโลกนี้นอกเหนือจากการพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือได้ผลผลิตที่มากขึ้นแล้วนั้น ถ้าเขาต้องนำผลผลิตไปแลกเป็นเกลือ (สมมุติว่าใช้เกลือเป็นสื่อกลาง และเก็บมูลค่าไว้ใช้ในอนาคตได้) เขาก็จะคิดข้ามขั้นว่า อย่างนั้นเราก็ผลิตเกลือขึ้นมาเลย ก็จะร่ำรวยได้ด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากมีอำนาจในการใช้จ่ายได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ในทันที หลังจากการสร้างเกลือได้สำเร็จ

และใช่ครับประวัติศาสตร์ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในยุคที่มนุษย์เราใช้เกลือเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่า รวมทั้งกักเก็บมูลค่าที่เขาสามารถสร้างขึ้นมาได้ ก็จะมีคนผลิตเกลือขึ้นมาเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง โดยบทสรุปสุดท้ายระบบการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่ใช้เกลือนั้นก็จะล่มสลาย เพราะเกลือก็จะไม่สามารถเป็นตัวแทนในการเก็บมูลค่าได้อีกเนื่องจากสามารถมีผู้ผลิตขึ้นมาได้โดยง่าย เปลือกหอยก็เช่นกันเมื่อยุคที่การเดินเรือ มีวิวัฒนาการขึ้นก็จะมีคนไปเก็บเปลือกหอยจากใต้ทะเลมาได้เป็นจำนวนมาก ก้อนหินก็ไม่แตกต่างกัน แม้ว่าก้อนหินที่ใช้จะเป็นก้อนหินที่หามาได้ยากในอดีตแต่ยุคต่อมาก็มีการพัฒนาระเบิดและการขนส่งทางเรือ ก็ทำให้สามารถสร้างก้อนหินเหล่านั้นขึ้นมาได้โดยง่าย นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเปลือกหอย เกลือ และก้อนหิน รวมทั้งสื่อการแลกเปลี่ยนมูลค่าต่างๆในอดีตจนถึงปัจจุบันถึงได้สูญสลายและหายไป ไม่ยั่งยืนและสามารถใช้ได้จนถึงทุกวันนี้

โลหะทองคำ

จนมายุคถึงยุคโลหะ ที่มีการค้นพบทองคำ ก็มีการนำเอาโลหะทองคำเข้ามาเป็นตัวที่เก็บมูลค่า ความมั่งคั่ง และ ใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนอยู่จริงในอดีต แต่ทองคำไม่ใช่โลหะเดียวที่ถูกนำมาใช้ในหน้าที่นี้ (สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและสามารถกักเก็บมูลค่าในระยะยาวได้) ในประวัติศาสตร์เคยมีการนำ โลหะเงิน และ โลหะทองแดง มาใช้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ได้พบกับจุดจบที่ไม่แตกต่างกับ เปลือกหอย และ เกลือ รวมถึงก้อนหิน นั่นคือความง่ายในการผลิตโลหะเงิน และ ทองแดง สามารถผลิตได้ง่ายกว่าทอง  รวมทั้งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ คนแห่กันไปผลิตโลหะเหล่านั้นเพราะมันมีมูลค่าใช้แลกสินค้าได้ทุกอย่างได้ ราวกับการค้นพบ วิธีการผลิตเหลือในอดีตนั่นเลย

แต่ตัวทองคำเองนั้นกลับเป็นโลหะที่หาได้ยากกว่า รวมทั้งการสกัดแร่โลหะทองคำเพื่อนำมาผลิตเป็นทองคำบริสุทธิ์ ก็มีความยากกว่า รวมทั้งต้องใช้ทรัพยากรสูงกว่า ต้นทุนที่สูงกว่า เวลาที่มากกว่า โดยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อัตราการผลิตของทองคำ จะ Swing อยู่ในเลขประมาณ 1 ถึง 3% ต่อปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณทองคำที่มีอยู่เดิม นั่นหมายความว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีคนที่โลภ พยายามมุ่งหน้าเข้าสู่การผลิตทองคำเพื่อสร้างให้เกิดความมั่งคั่งกับตัวเองเหมือนอย่างเช่นเคยเกิดขึ้นกับ เกลือ เปลือกหอย และ ก้อนหิน มาแล้วในอดีต ก็ไม่สามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากข้อจำกัดในด้านการผลิตทองคำด้วยตัวของมันเอง หรือ ต้นทุนยังไม่ต่ำเพียงพอ ที่จะผลิตให้ได้กำไรได้โดยง่าย ก็ต้องล้มเลิกไป (ปัจจุบัน ประเทศไทย ก็มีแหล่งแร่ทองคำเป็นจำนวนมาก แต่หลายพื้นที่ ก็ไม่ได้คุ้มค่าที่จะผลิต เมื่อเทียบกับมูลค่าทางการตลาดในปัจจุบัน (ขายแล้ว น่าจะขาดทุน หรือ เท่าทุน หรือ กำไรได้ไม่คุ้มเงินลงทุนหมุนเวียน) อีกทั้งเรื่อง กฏระเบียบ ของตลาดทองคำโลกที่ใช้เป็นเครื่องมือ กีดกันผู้เล่นหน้าใหม่ หรือรายเล็กได้เป็นอย่างดีก็ช่วย block กำลังการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง (แต่ถ้าพิจารณาดีๆ นี่คือ จุดอ่อนของทองคำด้วยเช่นเดียวกัน)

โลกเราจึงได้เคยใช้ทองคำมาเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนอยู่ช่วงสมัยหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งถ้าคนที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าในยุคที่ใช้ทองคำเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่านั้น เป็นช่วงที่ทำให้เกิดวิวัฒนาการเทคโนโลยีและศิลปะ แบบใหม่ ที่โลกไม่เคยมีขึ้นมาก่อน ที่ทำให้ลูกต้องจารึกมาจนถึงในปัจจุบันเป็นจำนวนมากมาย (ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้ technology และศิลปะ ล้วนได้เพียงแค่ “ต่อยอด” เท่านั้น ไม่ใช่การค้นพบใหม่จำนวนมาก เหมือนในอดีต)

แต่ทองคำเองซึ่งเป็นโลหะ ทำให้มีน้ำหนัก และขนาดใหญ่ ยากต่อการจัดเก็บและขนย้าย ลองจินตนาการดูสิ ถ้าวันนี้เราต้องแบกโลหะแทนแบงค์ที่อยู่ในกระเป๋าเพื่อไปซื้อของที่มีมูลค่าสูง ก็อาจจะเป็นเรื่องยากและลำบากมากเลยทีเดียว หรือจินตนาการง่ายๆว่า ถ้าเราไม่มีธนบัตร เรามีแต่เหรียญซึ่งก็เป็นโลหะเช่นเดียวกัน และเราต้องใช้เหรียญเท่านั้นในการใช้ชีวิต เราจะต้องแบกเหรียญกันมากน้อยขนาดไหน ในอดีตก็เลยมีวิวัฒนาการสร้างความสะดวกนั่นคือการสร้างตั๋วแลกทองขึ้นมา โดยการประกาศและรับรองว่าตั๋วกระดาษใบนี้จะสามารถใช้แลกคืนเป็นทองคำได้ตามมูลค่าที่ได้เขียนเอาไว้บนหน้าตั๋ว ซึ่งต้องบอกว่าทุกอย่างก็ทำงานได้ดีเสมอมาจนกระทั่งปี 1914 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ประกาศว่าคนที่มีตั๋วแลกทองคำ จะไม่อนุญาตให้แลกทองคำคืนได้อีกต่อไป แต่ยังคงใช้งานตัวแลกทองคำ ได้ตามมูลค่าที่บันทึกอยู่บนหน้าตั๋วเช่นเดิม 

จุดเริ่มต้น ที่เป็นจุดจบ

เนื้อหาที่ซ่อน คือ เนื้อหาที่อธิบายต่อเนื่องกันไป เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น รวมทั้งทางออกในตอนท้ายที่สุดของเนื้อหา

--------------------------------------------------------------

เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น

เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reach

เงินเฟ้อ

--------------------------------------------------------------

เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น

เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reach

จากรูป เราจะเห็นว่า ปัจจุบัน เราไม่สามารถหาก๋วยเตี๋ยวชามละหนึ่งบาท ได้อีกแล้ว ปัจจุบัน 50 บาท อนาคต เป็นแบบเดิม ก็จะหาราคา 50 บาท ไม่ได้อีกแล้วเช่นเดียวกัน

รูปล่าง คือปริมาณเงินที่ผลิตขึ้นมา ของประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เห็นว่าหักหัวลง ก็แค่พักการผลิตบ้าง และลดจำนวนเงินในระบบลง ชั่วคราว เพราะก่อนหน้านั้นผลิตขึ้นมาหนักมากๆ จน graph ชันขึ้นแบบทะลุออกนอกโลกไปเลย (ไม่มีเพดานการผลิต เพราะมูลค่าเงิน มันจะลู่เข้า 0 แต่จะไม่มีวันเป็น 0) ถ้าใครที่อ่านเว็บเรา จะนึกออกว่า นี่คือ ปริมาณของ Governance Token ที่เราไปฟาร์มได้มา แล้วเราก็ขายทิ้งทุกราคา ปริมาณ token จะเฟ้อตลอดเวลา และมูลค่าก็จะลู่เข้า 0 ตลอดเวลา แต่จะไม่มีทางที่เป็น 0 เพราะ ถ้าเริ่มต้นที่ 1.00 แต่ราคาปัจจุบันคือ 0.00000001 ก็ยังไม่ถือว่าเป็น 0 อยู่ดี

--------------------------------------------------------------

เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น

เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reach

ทางออก?

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะเกิดข้อสงสัยว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างไร ผมตอบได้สั้นๆว่าเราไม่ใช่คนที่มีอำนาจที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และถึงแม้เป็นรัฐบาลก็ยังไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อป้องกันตัวเราเองในระดับบุคคลหรือคนที่เรารู้จัก ก็คือการ เลือกเก็บมูลค่าไว้ใช้ในอนาคต บนทรัพย์สินใดที่สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก แทนที่จะเก็บไว้ในเงินอย่างที่เราทำกันมาตลอด

--------------------------------------------------------------

เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น

เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reach

ในเนื้อหาต่อๆไป ผมจะค่อยๆ อธิบายลงรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เพราะอะไร ทำไม เราถึงไม่ควรออมความมั่งคั่งในรูปแบบ เงิน ที่เรารู้จักกันอีกต่อไป