SMS ให้เงินกู้ จุดเริ่มต้นเรื่องราวมหากาพย์ [Loan : EP 1]

[บทความนี้เขียนย้อนไปในช่วงอาทิตย์ก่อนหน้าต่อเนื่องอาทิตย์นี้ครับ ก่อนจะเริ่ม public เนื้อหา]

บ่ายวันหนึ่ง ได้ SMS จากธนาคารแห่งหนึ่ง ว่าจะให้เงินกู้ ดอกต่ำ ถ้าสนใจจะเป็นเหยื่อ เอ้ย สนใจในตัวสินเชื่อ ให้ส่ง SMS ตอบกลับได้เลย ซึ่งอดีตของผม เป็นคนที่ไม่ชอบการเป็นหนี้เลย รถยนต์คันแรก มอเตอร์ไซค์คันแรก ผมซื้อเงินสดครับ (ซื้อมือสองนะ) จนมาเรียนรู้ก่อนจะได้ซื้อบ้าน ว่าเราจะซื้อเงินสดทุกอย่างไม่ได้ อีกทั้งพี่เขยผมสอนให้ผมปรับมุมมองว่า การเป็นหนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องแย่เสมอไป เพราะมันทำให้เราเป็นคนมี credit (ในระบบการเงินปัจจุบัน แต่ละคนจะมี credit scoring หรือ คะแนนจิตพิสัยด้านการเงิน เป็นของตัวเอง) ซึ่งคนทั่วไป ที่ไม่มีหนี้อะไรเลย credit เป็น 0 คนที่ซื้อของแล้วผ่อนต่อเนื่อง+ตรงตามเวลา เต็มยอด ไม่เบี้ยว ไม่พลาด credit จะเป็นบวก ส่วนคนที่จ่ายๆ หยุดๆ จ่ายก็พอให้ผ่านขั้นต่ำ คนเหล่านี้ credit จะติดลบ

ผมก็กลับมาพิจารณา อืม มันเป็นอย่างนั้น เพราะระบบการเงินออกแบบมาเป็นอย่างนั้น นับจากวันนั้น มุมมองเรื่องการเป็นหนี้ผมก็เปลี่ยนไป คือ ถ้าเราจะเป็นหนี้ ก็ให้เป็นหนี้เพื่อให้มีส่วนต่าง เช่น ถ้าเรามีเงิน 1 ล้านบาท ซื้อบ้านเงินสด เทียบกับ กู้เงิน 1 ล้านบาท เพื่อซื้อบ้าน ดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดยเรายังมีเงินสดอยู่ ถ้าเราใช้เงินสดเราไปทำอะไรสักอย่าง ที่กำไร มากกว่า 5% เราก็จะได้ส่วนต่าง (จ่ายดอกธนาคาร 5% แต่หากำไรจากการลงทุนได้ 6% เท่ากับกำไร 1%) ออกมาเป็นกำไรเพิ่ม ผมเรียนรู้เรื่องนี้มาเกือบ 10 ปีได้ละ แต่คำถามก็คือ อะไรล่ะ ที่จะได้ return มากกว่า 5% ต่อปี ผมก็เลยไปลองอะไรมาเยอะแยะ มากมาย ซึ่งจบด้วยการเจ็บตัว (เดี๋ยวเล่าทีหลัง)

นั่นล่ะครับ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เลย หลังจากที่ได้ SMS ก็เลยติดต่อธนาคารไป

ธนาคารก็ได้เสนอมาครับ เป็น 0% 4เดือน แล้วดอกเบี้ย 10.5% ต่อปี ผมก็ขอรายละเอียดตารางผ่อนมาดู ทำให้พบว่าเป็นการผ่อนเดือนแรกๆ ค่อนข้างเยอะมาก จำได้ว่าเดือนละ 2 หมื่นเศษๆ แล้วมันจะลดต้นลดดอกลงเรื่อยๆ แม้ว่านาน 36 เดือน แต่ว่า กู้ 2 แสน ผ่อนเดือนท้ายๆ แค่เดือนละไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง เพราะไปหนักเดือนแรกๆแล้ว

เลยลองขอใหม่ บอกว่า อยากได้ ผ่อนแบบเท่ากันทุกเดือน ธนาคาร ก็จัดมาให้ ผ่อนได้นาน 6 หรือ 9 เดือน เท่านั้น
ซึ่งผมคิดว่ามันหนักเกินไป ที่ผมจะเอาเงินก้อนนี้มาทำกำไรได้ก่อนจะผ่อนได้หมด เพราะ9 เดือน ยังเดือนละ 25k เลย

เลยขอใหม่อีกที บอกว่า ผ่อนหนักไปครับอยากได้ผ่อนน้อยกว่านี้ ธนาคารก็บอกว่า มีอีกแบบ ที่เป็นบอลลูน (ผ่อนนาน ยอดน้อยลง เว้นงวดสุดท้ายที่จ่ายก้อนใหญ่) และดอก 10.98% รวมทั้ง 4 เดือนแรก ไม่มี0% แต่ก็ไม่มีค่าธรรมเนียมถอนเงินสด และผ่อนนานสุด 36 เดือน ผมก็เอามาดู พบว่า ช่วงปีแรก ผ่อนหนักไม่ต่างกับ package ตัวแรกเลย (กู้ 2 แสน ผ่อนเดือนแรก สองหมื่นกว่าบาท แล้วลดๆลงมาเรื่อยๆ)

จากนั้น ก็ไปเริ่มทำ simulate เพื่อหาคำตอบที่สำคัญมาก ว่าผมต้องทำกำไรเท่าไร ผมถึงจะไม่ขาดทุน เพราะว่านับจากเดือน 1 เป็นต้นไป ผมต้องขายเงินลงทุน (เงินต้น) มาเป็นค่าผ่อนในแต่ละเดือน ดังนั้น ถ้าเราสูญเสียเงินต้นเร็วเกินไป จะทำให้เราได้กำไรลดลง และที่สำคัญที่สุด จะต้องหาจุดให้เจอว่า ขั้นต่ำกำไรเท่าไร จึงจะทำให้ไม่ “ขาดทุน” แต่ถ้านับเวลาที่ต้องเสียไป กับนู่นนี่นั่นก็ขาดทุนล่ะ ผลออกมาจากการ Simulate ก็คือ ต้องทำกำไรให้ได้ไม่น้อยกว่า 10.13% APR นานต่อเนื่อง 36 เดือน ซึ่งแน่นอน ผมมีแนวทางในใจอยู่แล้ว ว่าทำอย่างไรใน DeFi ให้ได้กำไรมากกว่า 10.13% ต่อปี แล้วผมก็ simulate ต่อไปเลย ถ้าผมทำกำไรได้ 100% ต่อปี APR หรือ 120% APR ล่ะ จะได้ผลเป็นอย่างไร ซึ่งจากการ simulate ออกมาได้ว่า 100% APR จะสร้างกำไรให้ผม 1.4 ล้านบาท และ 120% APR ทำกำไรให้ผม 2.8 ล้านบาทเลยทีเดียว very goodddd

ด้านล่างคือ file simulate ที่ผมคำนวณเอาไว้ รวมทั้งสามารถ copy ไปเปลี่ยน % เล่นเองได้ด้วยนะครับ เผื่อใช้ simulate หากำไรจากเงินทุนของตัวคุณเองได้ วิธี copy กดที่ Menu > File > Make a copy โดยจะมี หลาย sheet ที่ใช้ประกอบเนื้อหาทั้งตอนนี้เลยครับ ใช้เวลาทำนานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว

--------------------------------------------------------------

เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น

เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reach

โดยลองดูแค่ 3 sheet แรกก่อนนะครับ Ideal คือใช้เงินเต็ม 2 แสนเลย , Ideal with fee คือมีต้นทุนบางส่วนจากบางเรื่อง (ดูด้านขวามือ) และ อันที่ 3 คือ 1 Year หมายถึง ถ้าเราจะผ่อนแค่ 1 ปีเท่านั้น

สุดท้าย ก็ว่าจะเอา package ล่าสุดที่ธนาคารเสนอมาแล้ว เพราะธนาคารบอกว่า ไม่มีแบบอื่นแล้ว (อันนี้คือกรณีกู้เงินจากวงเงินบัตรเครดิตที่มีครับ) และจากการคำนวณตามตารางข้างบน ก็มองเห็นกำไรลางๆอยู่ และจะต้องเริ่มโครงการ BeMyBlockchain นี้แล้ว จนได้ไปคุยกับพี่ที่ทำงาน เค้าก็แนะนำให้ลองคุยดูอีกที บอกสิ่งที่เราต้องการไป ให้เค้าจัดมา มันมีอยู่แล้ว เชื่อเถอะ

ผมก็หน้าด้านขออีกที บอกไปเลย ว่า ขอผ่อน fix rate รายเดือน และขอผ่อนนานๆ

เค้าก็ไปจัดมาให้ได้ แต่เป็น promotion จากวงเงินบัตรกดเงินสด ที่จะสามารถผ่อนแบบ fix rate ได้ แล้วตอนนี้ pro ก็ดอก 10.98% เหมือนกัน ตลอดอายุสัญญา เท่านั้นไม่พอ ผ่อนนานสุด 48 เดือนเลย โดย36เดือน ผ่อนเดือนละ 6546 ส่วน 48เดือน ตกเดือนละ 5168 บาทเท่านั้น (ยอดกู้ 2 แสนบาท)

แน่นอน รีบเอามา simulate อย่างไว (link ข้างบนเหมือนเดิม ใน sheet ที่ชื่อ Fixloan36, Fixloan48) ทำให้พบว่า กำไรขั้นต่ำจาก DeFi ที่จะทำให้ “เท่าทุน” ประมาเป็น 10.99% ใกล้เคียงต้นทุนที่เรากู้มา แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ ถ้าเราทำ 100% APR จะทำกำไร 6.49 ล้านบาท และ 120% APR จะทำกำไร 14.44 ล้านบาทเลยทีเดียว (นี่เลข ideal ล้วนๆเลย ชีวิตจริงมีคลาดเคลื่อนแน่นอน)

แน่นอนครับ ผมเลือก package นี้แบบไม่ลังเลเลย แต่….. ต้องไม่ลืมว่า ตลาด DeFi นั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ผมจะสามารถทำกำไร 100% APR ไปอีกนาน 4 ปีได้นิ่งๆจริงๆเหรอ? ขนาดราคา bitcoin ยังเป็น cycle ขึ้นๆลงๆทุก 4 ปีเลย

จนผมค้นพบเงื่อนไขอีกอย่างที่พนักงานบอกเอาไว้ แต่ไม่ได้ใส่ใจในตอนแรกก็คือ “สามารถปิดยอดทั้งหมดได้ หลังผ่อนงวดที่ 6 ไปแล้ว โดยไม่คิดดอกในอนาคตอีก” เท่านั้นล่ะครับ ผมรีบไปดูบรรทัดที่ simulate เอาไว้ ในสิ้นเดือนที่ 6 ผมพบว่า ถ้าได้ APR 100% แล้ว กำไรตั้งแต่เดือนแรกเลย ดังนั้น โอกาสที่ผมจะทำแล้วขาดทุนก็ต่ำมากละ ยังไงกำไรแน่นอนแล้ว

เอาเป็นว่า จบ 1 ปี ก็มีกำไร 222,573 บาทแล้วถ้าได้ APR 100% จริงๆ (111% APY เพราะต้องตัดเงินไปผ่อนทุกเดือนด้วย)

เท่านั้นไม่พอในวันที่กำลังจะตัดสินใจแล้ว ก็ google นิดหน่อย พบว่ามีอีกธนาคาร ที่มีดอกเบี้ยต่ำเหมือนกัน คือประมาณ 11.84% ผ่อน 24 หรือ 36 เดือน แล้ว fix rate ด้วย ไม่รอช้าเลย submit อย่างไว

จากเงื่อนไขเงินกู้ พบว่า ถ้าผ่อน 36 เดือน จะโดนดอกที่ 13.33% ซึ่งแพงกว่า ผ่อน 24 เดือน ที่ดอก 11.84%
ดูเหมือนจะคิดง่าย แต่ถ้าเราคิดดีๆ 1.ไม่เชื่อว่าตลาดจะดีแบบนี้ไปอีก นาน 36 เดือน 2.ดอกที่แพงกว่า ทำให้ต้องเสียเงินต้นที่เร็วกว่า ก็มานั่ง simulate เหมือนเดิม (Sheet ที่ชื่อ CIMB24, CIMB36)

และผลการ simulate ออกมาโดยอ้างอิงเลขเงินต้น 200k กับ 300k ก็เป็นไปในแบบที่แสดงในไฟล์ simulate ครับ และผมคิดว่า เพื่อให้เงินทุนที่เท่ากันกับก้อนแรก และมีดอกที่ต่ำกว่า จึงตัดสินใจเลือก 24 เดือนไป

สรุป ตอนนี้ผมจะมีเงินกู้ในโครงการนี้ 2 ก้อนแล้ว

ก้อนแรก เงินต้น 2 แสน, ผ่อน 48 เดือน เดือนละ 5168, ดอกเบี้ย 10.98% (ณ วันที่เขียนนี้ ได้เงินมาแล้ว)
ก้อนสอง เงินต้น 3 แสน, ผ่อน 24 เดือน เดือนละ 9400, ดอกเบี้ย 11.84% (ดอกแพง เลยเอาเงินมาเยอะหน่อย จะได้ทำกำไรได้สมน้ำสมเนื้อ แต่ ณ วันที่เขียน ยังไม่ได้เงิน ขั้นตอนอนุมัติค่อนข้างนาน ต่างจากธนาคารแรก ส่งเอกสารวันนี้ พรุ่งนี้ได้เลย เอาเป็นว่าถ้าได้มาแล้ว จะมา update ให้อีกที)

รวมผ่อนต่อเดือน 14,568 บาท ต่อเดือน ซึ่งเรื่องนี้ ผมคิดต่อไปถึงความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ภาพรวมด้วย เพราะผมมีโครงการจะกู้เงินเพื่อซื้อรถคันใหม่ทดแทนคันเก่า (อายุ 10 ปี) อีกด้วย กดเครื่องคิดเลขแล้ว OK พอ ไปต่อได้ [เราต้องผ่อนทุกอย่างรวมกัน ไม่เกิน 40% ของเงินเดือน ถ้าเกินกว่านั้น มักจะกู้ไม่ผ่าน หรือ ต้องมีการกู้ร่วมด้วย ดังนั้นจะตัดสินใจอะไรก็ต้องคิดให้ครบรอบด้านด้วย]

สุดท้าย ใน sheet ที่ผมให้ดูนั้นจะมี 2 sheet รองสุดท้าย คือ คิดกรณีที่เราไม่ตัดต้นทุนออกมาผ่อนเลย แต่ใช้การเติมเงินเพิ่ม ในส่วนที่ขาดจากกำไรที่ได้ในแต่ละเดือนเพื่อผ่อนเงินกู้ จนกว่ากำไรจะมากพอที่จะจ่ายค่างวดได้แต่ละเดือน จะเห็นเลยว่า กำไรท่วมเลย ถ้าเราเติมเงินเข้าไปด้วย

และ sheet สุดท้ายคือ ทำอย่างไรให้ได้กำไร 600K หรือคิดเป็น 3 เท่าของเงินทุน, 800k, 1m,1.2m ตามลำดับ จากตัวเลขที่เห็นนี้ ก็คิดว่า น่าจะพอเป็นไปได้อยู่ แต่เดี๋ยวลงแล้วรอตลาดเฉลยอีกที

ติดตามกันต่อไป ใน EP2 ได้เงินมาแล้ว ยังไงต่อ?