คนไทยกับแชร์ลูกโซ่นี้เป็นของคู่กันมานานจริงๆ ถ้าจะให้มาซื้อ Token ของ project ดีๆมีอายุนานๆ อย่างพวก BTC , ETH ไม่เอาหรอกราคามันแพง (งง ตรงเหตุผลนี้ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน) ไปซื้อเหรียญเล็กๆที่ใช้เงิน ไม่กี่พันบาท แต่ได้มาหลายร้อยล้านเหรียญแบบนี้น่าสนใจกว่าเยอะ มันถูกดี และมีโอกาสที่จะขึ้นได้อีกเยอะ
วันนี้ จะมาชี้ให้ตาสว่างกัน ซื้อวันนี้อีก 5 นาทีรวย จริงเหรอ?
ซื้อวันนี้ อีก 5 นาทีรวย
ครับอย่างที่บอกเลย ไม่รวยก็เละ เหรียญพวกนี้มันเป็น แชร์ลูกโซ่แบบเต็มตัวเลย อันนี้ผมพูดถึงเหรียญที่เขาตั้งใจจะสร้างให้มาเป็นแชร์ลูกโซ่เลยนะ แบบใสๆ ไม่เอาแบบตั้งใจหลอก เอาตัวอย่างที่ดังดังที่สุดที่บ้านเรารู้จักกันเยอะมากก็คือ Safemoon เลย (เดี๋ยวจะเล่าไปถึงเหรียญอื่นอีก)
ผมสรุปแนวทางของเหรียญพวกนี้ก่อน นั่นก็คือ ใครที่ซื้อก่อน จะได้ปันผลส่วนแบ่งจากคนที่มาทีหลัง (ฟังดูคุ้นๆไหม คล้ายๆกับเงินคนหลังมาจ่ายให้ต้นสายยังไงไม่รู้) อย่าง Safemoon ซื้อปุ้บ หัก 10% ทุกรายการ ทันที หักไปไหน? ก็หักไปให้คนที่ถือมาก่อนหน้า 5% อีก 2.5% ขายเป็น BNB และ รวมอีก 2.5% ที่เหลือ ไป provide liquidity pool (อธิบายให้ง่ายๆก็คือมันเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดการแลกเปลี่ยนเหรียญ สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญกันโดยสวิงน้อยลงเมื่อมี Liquidity provider มากขึ้น ตามที่เคยอธิบายไว้ในเรื่อง Price impact กับ Slippage ทำให้การ swap ได้ token น้อยลง) และคนที่ แลกเปลี่ยนเหรียญ หรือทำธุรกรรม ก็หักครั้งละ 10% เสมอ ด้วยหลักการเดียวกัน
แค่หลักการข้อนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคนมาทีหลังต้องจ่ายเงินให้คนอยู่ก่อน ดังนั้นใครที่ซื้อก่อนเขาก็จะต้องรีบเอาไปโปรโมทให้เยอะๆ เพื่อให้มีคนมาต่อสายเยอะๆ โอเคเขาอาจจะไม่ได้เงินโดยตรงแต่เขาก็ได้ส่วนแบ่งจาก 5% นั่นแหละที่แบ่งให้กับทุกคนดังนั้นถ้าใครที่ซื้อแล้วทุกคนทำหน้าที่ในการโปรโมทออกไปเรื่อยๆคนที่อยู่มาก่อนก็จะต้องได้ส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆด้วยนั่นเอง
ส่วนแบ่ง 5% นี้อาจจะเทียบไม่ได้เลยกับการที่ทุกคนมาซื้อ โดยที่คนส่วนใหญ่นั้นไม่ขายออกเลย นั่นจะส่งผลให้ราคาของ Token จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆตลอดเวลา เพราะว่าตามหลักการของ DEX แบบ AMM มันจะไม่ได้เป็นไปในลักษณะของใครจะพึงพอใจขายที่ราคาไหนก็ได้ แต่มันจะเป็นการซื้อขายที่ราคา ณ ตลาดนั้นๆโดยใช้ สมการทางคณิตศาสตร์เข้ามาควบคุมราคา ดังนั้นแล้วยิ่งมีคนซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆราคาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา จากที่เขาคุยกันก็คือประมาณ 3 วันราคาขึ้นไปถึง 80x เลยทีเดียว เรียกได้ว่ารวยไม่รู้เรื่องกันเลยแหละ
แต่ก็ด้วยหลักการเดียวกันถ้ามีคนเทขายใส่ ไม้ใหญ่ๆ หน้าตาก็จะออกมาเป็นแบบนี้ (อันนี้คือจังหวะที่ dev team ขายของตัวเองทิ้งหมดแล้ว) ยังอุตส่าห์มีคนไปช้อนซื้ออีก
หรือแบบนี้
อุตส่าห์สะสมราคาขึ้นมาตั้งนานบทจะทิ้งลงมาก็ทิ้งทีเดียวหัวปักหัวปำไปเลย
เหรียญมันใช้ไม่ได้จริง
และด้วยความที่ การทำธุรกรรมใดๆ ต้องหักครั้งละ 10% ลองคิดง่ายๆ ว่าอนาคต เอาไปใช้ซื้อสินค้า หรือ บริการ มันก็จะต้องแพงขึ้น 10% ทันที แล้วใครจะกล้าใช้ล่ะ แล้วเอาไปแลกคืนก็ขาดทุน 10% อีก สรุป เหรียญนี้เคลื่อนที่ไปกลับ ต้องมี 20% ต่อรอบเลย ธุรกิจน่าจะเจ๊งก่อน การเอาไปใช้จริง จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เป็น money game ล้วนๆ ที่เค้าโปรโมทว่าจะมีนั่นนู่นนี่มันเป็นไปแทบไม่ได้เลย
Token ราคาแพง อะไรคือแพง?
เรื่องนี้มีประเด็นครับหลายคนไม่กล้าซื้อ Bitcoin เพราะบอกว่าราคามันแพงเป็นล้านบาทเลยทีเดียว แต่คุณต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า Crypto currency นั้นไม่ใช่หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่มักจะมีการกำหนดขั้นต่ำให้บังคับซื้อไม่น้อยกว่า 100 หุ้น (ในตลาดปกติ) ดังนั้นถ้าหุ้นแพงรายย่อยไม่กล้าซื้อแน่นอน เพราะว่าคิดง่ายๆ 100 หุ้นหุ้นละ 300 บาท นั่นก็ต้องมีเงิน 30,000 บาทเข้าไปแล้วเป็นอย่างน้อย
ต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า Bitcoin และ Cryptocurrency รุ่นแรกๆนั้น มีทศนิยมสูงถึง 8 ตำแหน่ง นั่นหมายความว่าหน่วยที่น้อยที่สุดที่คุณสามารถมีได้ก็คือ 0.00000001 BTC ซึ่งถ้าบอกว่าตอนนี้ราคา BTC คือ 1 ล้านบาท ดังนั้น 0.00000001 BTC ก็มีมูลค่า 0.1 บาทเท่านั้นเอง มันแพงตรงไหนเหรอครับ กับการจะจับจองเป็นเจ้าของ BTC ด้วยเงิน 0.1 บาท (แต่ก็เข้าใจได้ว่า บาง exchange กำหนดขั้นต่ำการซื้อขายเอาไว้ด้วย แต่ก็ 10 บาทเท่านั้นเอง ก็เป็นเจ้าของ Bitcoin ได้แล้ว) และ Token รุ่นหลังๆ ก็มีทศนิยมได้ถึง 18 ตำแหน่งเลยทีเดียว
จริงๆที่ถูกต้อง เราต้องนิยามความแพง จากการที่ราคามันสูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน เช่น ถ้าเราบอกว่า เรากำลังจะซื้อรถยนต์ Nissan March ในราคา 1 ล้านบาท (ราคาป้ายแดง ไม่ถึง 5 แสนบาท) แบบนี้สิถึงเรียกว่าแพง เพราะเรารู้ราคาตลาดและมูลค่าที่แท้จริงของรถยนต์คันนี้อยู่แล้วแต่ทำไมเราถึงต้องไปจ่ายแพงเพื่อจะซื้อสิ่งนี้มา
แต่ปัญหาหลักๆก็คือโลกของ Cryptocurrency ดันหามูลค่าที่แท้จริงได้ยาก ซึ่งขนาดว่าหามูลค่าที่แท้จริงได้ยากคนก็ไปตีค่าว่ามันแพงไปซะแล้ว ย้อนแย้งดีจริงๆ
แต่เหรียญที่เพิ่งสร้างขึ้นมาและมีแนวโน้มที่จะใช้ในการหลอกลวงผู้คนกลับบอกว่ามันเป็นเหรียญที่ราคาถูก
นี่มันอิหยังวะ
ดังนั้นถูกหรือแพงไม่ได้มีใครกำหนด มีแต่ตลาด (ที่ประกอบด้วย ผู้ซื้อ+ผู้ขาย) เท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด
เทคนิคการหลอกเอาเงิน
เหรียญหลังๆที่สร้างขึ้นมามีเทคนิคการหลอกเอาเงินมากมาย วันนี้จะมาแฉแหลกๆ อ่านกันไปยาวๆ พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่อ (เท่าที่พอจะป้องกันได้นะ)
เจ้าเทขายทิ้ง
เนื้อหาที่ซ่อนอยู่ จะอธิบายเทคนิคการหลอกเอาเงินจากเราในวิธีการต่างๆ ทั้งแบบง่าย และแบบยาก มีทั้งแบบอยู่ในโค้ด และใช้หลักการ swap เข้ามาช่วย รวมถึงแนวทาง การวิเคราะห์ ก่อนจะไปเข้าซื้อเหรียญใดๆ พร้อมยกตัวอย่างเหรียญจริง ที่ scam มาตั้งแต่เริ่ม ใช้เวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง หลอกเอาเงินไปได้ $8000 (256,000 บาท) เลย แบบนิ่มๆ
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachหลักการเหล่านี้ก็สามารถนำไปใช้ เพื่อให้ เรามีความปลอดภัยมากขึ้นจากเหรียญที่ต้องการหลอกลวงหรือการเสียเงินทุน แบบไม่มีเหตุผล