ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณเคยเห็นใครที่โพสต์ข้อความแบบนี้ เท่าที่ผมสังเกต คนเหล่านี้ จะเข้าข่ายอย่างน้อยหนึ่งข้อในนี้
- ไม่เคยฟาร์มเอง
- ไม่เข้าใจเรื่อง Impermanent Loss อย่างแท้จริง
- เข้าใจ Impermanent Loss อย่างแท้จริง แต่ compare ผิดเรื่อง
Impermanent Loss คืออะไร
ผมเคยอธิบายเรื่องนี้เอาไว้แบบละเอียด มีทั้งสมการให้ดู พล็อตกราฟให้เห็น และอธิบายเป็นตัวเลขจริงพร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจ ใน Impermanent Loss (IL) เรื่องสำคัญที่ทำให้กำไรหรือขาดทุนได้
ฟาร์มทำไม?
หัวใจของการทำฟาร์มหรือ Yield Farming ที่แท้จริงคือการหากำไร ที่ได้ออกมาจากแพลตฟอร์มเหล่านั้น ได้เท่าไหร่ขายไปเถอะ เอาเงินออกมาให้ได้มากที่สุด
ที่นี้พูดถึงเงินที่ใช้เป็นทุนตั้งต้นในการฟาร์ม ตรงนี้หลายคนจะเริ่มสับสน เพราะสามารถใช้ Token หลายอย่างไปทำฟาร์มได้ ตั้งแต่ stable coin ไปจนถึง BTC ETH กันเลยก็เอาไปใช้ฟาร์มได้เช่นกัน
บางคนก็เลยโลภ ไหนๆก็ตั้งใจจะถือ BTC ETH ยาวๆอยู่แล้ว งั้นเอาเข้าไปฟาร์มเลยดีกว่า ดีกว่าถืออยู่เฉยๆ ถ้าคุณคิดแบบนี้เมื่อไหร่บอกได้เลยว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะขาดทุน(กำไร) มากกว่าการถืออยู่เฉยๆ
เพราะแม้ ราคา Token BTC ETH จะขึ้นไปเรื่อยๆก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้ได้กำไรไม่เต็มหน่วย นั่นก็คือ Impermanent Loss ดังที่อธิบายไปในย่อหน้าบนนั่นเอง
ดังนั้นถ้าคุณตั้งใจอยากจะได้กำไรให้ได้มากที่สุด ถ้าเป็นขาขึ้น ต้องซื้อแล้วถืออยู่เฉยๆ จึงจะได้กำไรมากที่สุด มากกว่าเอามาฟาร์มแน่นอน โดยเฉพาะช่วงที่ราคาขึ้นยาวๆ ต่อเนื่อง ยิ่งขึ้นเยอะ ผลจาก IL ยิ่งเยอะตามไปด้วย (ได้กำไรน้อยลงกว่าที่ควรจะได้จริง)
แต่ Stable Coin เอาไปฟาร์มได้ APR น้อย
นั่นจึงเป็นที่มาว่าเราต้องเอา Non Stable Coin ไปฟาร์มแทน เช่น BNB, CAKE เพราะมันให้ APR ที่มากกว่า stable coin (เป็นเหมือนกันเกือบทุกที่เลย)
แต่จงจำเอาไว้ว่าเราถือ non stable coin เพื่อการฟาร์ม ให้ได้ APR สูง ไม่ใช่ถือ BNB, CAKE เพื่อให้ราคามันวิ่ง แล้วเก็บกำไรจากตรงนั้น เพราะย่อหน้าบนได้อธิบายเอาไว้แล้วว่าคุณจะต้องเสียกำไรให้กับ IL นั่นเอง
เป้าหมายคืออะไรล่ะ?
ดังนั้นต้องแยก เป้าหมายให้ออก ว่าจะซื้อ เพื่อไปขายราคาแพงๆ หรือ ซื้อเพื่อเอาไปฟาร์มกันแน่ เพราะว่ามันต้องทำกันคนละแบบ ซื้อไปขายราคาแพงๆก็ซื้อแล้วถืออยู่เฉยๆ แต่ถ้าซื้อเพื่อเอาไปฟาร์ม ก็ไม่ต้องคิดเรื่อง IL เท่าไร แต่ควรจะ short hedge ป้องกันต้นทุนลด เวลาราคา token ลดเอาไว้ด้วย ซึ่งมันจะชดเชยได้เกือบ 100% เลย และแน่นอน ถ้าราคาขึ้น short hedge ก็จะ net เป็น 0 ให้ด้วยเหมือนเดิม ทำให้ไม่ได้กำไรจากส่วนต่างราคาที่ขึ้นอีกต่างหาก เรื่องการ short hedge ป้องกันต้นทุนได้อธิบายละเอียดเอาไว้แล้ว Short hedge คืออะไร และวิธีการ Short hedge เพื่อปกป้องต้นทุน
มาลองคำนวณตัวเลขกัน
ผมจะยกกรณีที่ซื้อ Token 1 ตัวมาฟาร์ม คู่กับ BUSD เพื่อให้ไม่งง เกินไปนัก
เนื้อหาที่ซ่อนอยู่ ยกตัวอย่าง ชุดตัวเลข เพื่อใช้อธิบายจริง ตามลำดับ ทีละขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนฟาร์ม จนเลิกฟาร์ม และทำอย่างไร เพื่อป้องกันต้นทุนได้ พร้อมการคำนวณให้ดูจริง และชี้ให้เห็น
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachอัตราการขาดทุนของ Impermanent Loss
ก็เป็นตามนี้เลย โดยส่วนใหญ่เราจะ pair ที่ 50:50 ดังนั้น หน้าตาก็จะเหมือนเป็นเส้นล่างสุดนั่นเอง
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachถ้าอยากซื้อแล้วถือยาว แต่ไม่อยากโดน IL ล่ะ
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachสรุปแล้ว buy and hold กับฟาร์มอะไรกำไรมากกว่ากัน
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachดังนั้น น่าจะเข้าใจแล้วนะครับ ว่า ซื้อแล้วถือเฉยๆ รวยกว่า มันคืออะไร แล้วมันต้องเข้าข่ายกรณีไหน ยังไงบ้าง และที่บอกว่า ฟาร์มแล้วขาดทุนมากกว่าปกติ นั้นเป็นไปได้อย่างไร และวิธีการป้องกันเงินทุน เพื่อไม่ให้เสียหายหนัก รวมถึงการฟาร์มอย่างไร ให้กำไรกว่าซื้อแล้วถือเฉยๆ