ย้อนกลับไปที่ก่อนหน้านี้ เราเก็บ reward ทุกวัน แล้วก็เอาไปทบเพิ่มในทุกๆวัน ใน CAKE pool โดยมีสิ่งหนึ่ง ที่เราไม่ได้ทำ ก็คือ การเอา reward ที่ได้มาจาก CAKE pool ไปทบ CAKE pool ซ้ำอีกทีในทุกๆวัน เพราะว่า ไม่คุ้มค่าธรรมเนียมนั่นเอง
วันนี้ จะมาแนะนำ Yield optimizer หรือ ตัวช่วย ที่จะช่วยกระบวนการทบต้นให้ โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรอีกเลย หลักการง่ายมาก เพียงแค่เอาไปฝาก แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรอีกเลย
กระบวนการเว็บ Yield Optimizer ทำหลังบ้าน ที่เราจะมองไม่เห็นก็คือ
เก็บ reward > ขาย reward > deposit เพื่อ เพิ่ม LP Token
โดยทั้งหมดนี้ เราไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรอีกทั้งสิ้น โดยระบบจะบริหารจัดการให้เอง แล้วเรียกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมขาเข้า หรือ ขาออกอีกทีหนึ่ง
100% กลายเป็น 300% ได้ยังไง
เรื่องนี้อธิบายได้จาก 2 ส่วน
ส่วนแรก ก็คือ การแปลงจาก APR ให้เป็น APY หรือสิ่งที่เรียกว่าดอกเบี้ยทบต้น ตามที่เคยอธิบายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเอา reward ขายออก แล้วทบต้นเพิ่ม LP แล้วเราจึงสังเกตได้ว่าระบบจะแสดงเป็น APY เสมอ เพราะทบต้นให้ตลอด โดยหลักการทบต้น ก็ง่ายมาก คือการเก็บ reward > เอาไปขาย > ซื้อ LP > stake เพิ่ม (ระบบทำให้ทั้งหมด เราเข้าไปยุ่งไม่ได้)
ส่วนที่สอง เรื่อง Reward ที่ระบบแจกมาให้เพิ่ม อันนี้ เราต้องดูในรายละเอียด ว่าเจ้าไหนเค้าให้ reward เพิ่มมาเป็นจำนวนเท่าไรบ้าง ที่ทำให้เราได้ APY เยอะอย่างที่เราเห็น
โดยผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมานั้นทุกเว็บ จะเพิ่มขึ้นในรูปแบบของจำนวน LP Token ที่เพิ่มขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านไป (อ่านเรื่อง LP Token คืออะไร) โดยจะมีบางเว็บเท่านั้น ที่ให้ Token เป็นของตัวเองเพิ่มมาเป็นของแถมอีกชั้นหนึ่ง
ข้อสำคัญของการใช้งาน yield optimizer
1) ต้องอยู่นานๆ
การเปลี่ยนจาก APR ให้เป็น APY ได้ จะต้องเกิดจากดอกที่มาทบต้น ซึ่งมันก็จะทบต้นขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกๆวัน ดังนั้น จำนวนวันที่อยู่ในระบบจึงมีผลเป็นอย่างมาก ผมเคยทำการทดสอบหลายครั้ง ว่าเราเข้าไปแล้ว ผ่านไป 1-3 วัน แล้วเราออก เราจะไม่ได้ตามที่ระบบแจ้งให้เราเลย แต่เราจะได้ใกล้เคียงกับที่แจ้งเอาไว้ต้นทาง อย่าง CAKE ที่เป็นตัวอย่างข้างบนก็แถวๆ 100% นั่นเอง
2) ไป stake ที่อื่นที่ทอดหนึ่ง
เพราะ Yield optimizer เปรียบเสมือนเป็นคนกลาง จึงต้องไป stake ที่อื่นอีกทีเป็นส่วนใหญ่เพื่อสร้างกำไรส่วนต่าง ถ้าเราสังเกตดีๆ โดยเฉพาะตามไปดูใน blockchain explorer เราจะเห็นได้เลยว่า เค้าเอา LP Token หรือ coin ที่เรา deposit เข้าไป เอาไป stake ที่อื่นอีกทอดหนึ่ง (ในนามของ yield optimizer ไม่ใช่นามของเรา) เช่น เอา LP Token ALICE-BNB กลับไป stake ที่ pancakeswap ในชื่อของเว็บ Optimizer ดังนั้น ถ้า platform ที่ Yield Optimizer เอาไปลงไว้(เช่น pancakeswap) ขโมย LP ทั้งหมดไป หรือแม้กระทั่ง Yield optimizer ขโมย LP ทั้งหมดไปเอง นั่นเท่ากับว่า เงินเราก็จะหายไปด้วยในทันที
3) เป็นการเพิ่มความเสี่ยง
จากเดิม เราเอา LP token ที่เราถือ stake ตรงที่ pancake แต่หากเราใช้บริการ yield optimizer แล้ว กลายเป็น เราโอน LP เราให้ yield optimizer แล้ว yield optimizer เอาไป stake pancake อีกที (เค้าเป็นคนกลางไงครับ) เพราะเค้าต้องทำหน้าที่ถอน reward มา reinvest เพื่อเพิ่ม LP token แทนเราตลอดเวลา ดังนั้น เราจึงมอบความเสี่ยงให้กับ yield optimizer ที่เป็นคนกลางอีกทีหนึ่งอีกด้วย
2021-04-17 : มี Case จริงที่เกิดขึ้นคือ Rake Farm (เป็น yield optimizer) ที่เอาเงินบาง pool ไปเข้า Venus แล้ว user เอาออกไม่ได้ https://incidentrakefarm.medium.com/1-25-million-venus-pools-v1-user-funds-stuck-in-rake-farm-after-farming-incident-open-letter-4b913e6434f0 รวมทั้งหมด $1.25m ซึ่งเป็น bug จากตัวโค้ด smart contract เอง กรณีนี้เงินยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน ไม่มีใครเอาไป แต่เอาออกไม่ได้ ซึ่งกระทบไปยันคนที่ใช้ AutoFarm ด้วย (เพราะ fork จาก AutoFarm อีกที ทำให้มีโค้ดหน้าตาส่วนนี้เหมือนกัน รวมทั้ง กระทบไปยัน Beefy เพราะ AutoFarm fork Beefy มาอีกที แต่ Beefy ยืนยันว่า Code จุดนั้น AutoFarm เขียนขึ้นมาเอง Beefy ไม่มี https://medium.com/beefyfinance/2021-02-26-incident-report-autofarm-venus-paused-223ba94084c4 ดังนั้นใครที่ใช้งาน AutoFarm x Venus และใครที่ใช้ platform ที่ fork จาก AutoFarm อีกทีมีสิทธ์โดนเหมือนกันหมด (AutoFarm V1) ซึ่งผมจำได้ว่า AutoFarm เคยเจอปัญหานี้ไปแล้วช่วงนึง ที่คนฝาก AutoFarm x Venus แล้วเอาเงินออกไม่ได้เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน :: ณ ตอนที่ update เนื้อหานี้ ยังคงเอาเงินออกไม่ได้ และดูทีท่าว่าจะเอาออกไม่ได้ตลอดไปด้วย ตาม concept smart contract นั่นแหล่ะ (ที่ไม่มี migrator code)
4) ค่าธรรมเนียม ขาเข้า ขาออก และกำไร
บางที่กำหนดค่าธรรมเนียมขาเข้า บางที่กำหนดค่าธรรมเนียมขาออก บางที่กำหนดค่าธรรมเนียมจากกำไรที่เกิดขึ้น บางที่ก็เก็บหลายอย่างเลย เพราะระบบเหล่านี้ เค้าต้องจ่ายค่า fee ในการเก็บ reward , การขาย, การ swap , reinvest แทนเรา ดังนั้น เค้าก็คิด model การคิดเงินแบบต่างๆ เพื่อให้ cover ค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ เป็นหน้าที่ ที่เราต้องอ่านให้ละเอียดก่อน เพราะว่ามีผลต่อกลยุทธ์ และต้นทุนของเรานั่นเอง
5) blockchain Transaction fee ค่อนข้างสูง
เนื่องจาก yield farming มีการทำงานที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้ smart contract มีการทำงานค่อนข้างเยอะจึงมีผลต่อ gas fee มากพอสมควร เราควรเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อพิจารณาด้วย ผมเจอว่าแค่การเก็บ reward ในบาง pool จ่ายเกือบๆ 100 บาทต่อครั้ง ก็มีเหมือนกัน ดังนั้นก่อนกดก็ดูดีๆก่อนด้วย
แนะนำ Yield optimizer ที่ต่างๆ
อย่าพึ่งเริ่มต้นใช้งาน หากยังไม่ได้อ่านรายละเอียดข้างล่าง เพราะเราอธิบายเอาไว้หมด ว่าที่ไหน มีค่าธรรมเนียมจุดไหนอย่างไรบ้าง ที่ ที่คิดว่าดี อาจจะต้องแลกมาซึ่งอะไรบางอย่างก็เป็นได้
เนื้อหาที่ซ่อนอยู่ จะเป็นการแนะนำ platform Yield optimizer 6 platforms บน BSC network ที่ผ่านการ audit เพื่อให้เราสามารถเพิ่ม reward ได้มากขึ้นโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรอีก พร้อมทั้งอธิบายเงื่อนไข ค่าธรรมเนียมต่างๆเอาไว้
เนื้อหาพิเศษ ต้องแลกด้วย Reach เท่านั้น
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาพิเศษ จะต้องใช้ reach ในการเข้าอ่านเนื้อหาจุดนี้ เมื่อแลกด้วย reach แล้วจะสามารถอ่านเนื้อหาที่ซ่อนอยู่เพิ่มเติมได้ หากมี reach แล้วกรุณา login ก่อน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง Reachตัวอย่างการใช้งาน
อ่านได้ที่นี่เลยครับ ได้เอา port web เข้าไปฝากใน Yield Optimizer แล้ว
ข้อแนะนำ
ถ้าเราอยู่ไม่นาน หรือว่า pool ที่มี profit ต่ำ ควรเลือก platform ที่เก็บค่าธรรมเนียมขาเข้าออกน้อยที่สุด หรือไม่เก็บเลย เพราะกำไรจะไม่คุ้มค่าธรรมเนียมนั่นเอง แต่ถ้า pool ที่มีกำไรดีมากๆ ก็อาจจะคุ้มที่ต้องจ่ายขาเข้า และออก
สำหรับคนที่อยู่นานๆ ถึงนานมาก แนะนำว่าเลือกที่ ที่เก็บ performance fee หรือ หักค่าธรรมเนียมจากกำไรต่ำๆ ถึงแม้ว่าจะมีค่าธรรมเนียมขาเข้าออกก็ตาม แต่ว่าเราจะได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า และบาง pool เค้าแจกรางวัลเพิ่มมาเป็น token ของเค้า ซึ่งเราต้องเอาไปขายอีกที (ก็คิดถึง gas fee ตอนจะขายกันด้วย ได้ reward มามูลค่า $0.1 แต่ขายทีนึงจ่ายค่า gas $0.5 นี่ก็ไม่ไหวนะ)
แบบไหนเรียกว่านานหรือไม่นาน? อันนี้ ตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับ pool นั้นทำกำไรให้มากน้อยยังไง ถ้า กำไรน้อย ก็ต้องอยู่นานๆมากๆ เราลองแปลง APY เป็น APR แล้วหาร 365 ดู เราจะรู้ว่า pool นั้น ทำกำไรให้เราวันละเท่าไร เราต้องอยู่นานกี่วันถึงจะเท่าทุนค่าธรรมเนียม เพราะบางที่ก็ดีอย่าง เสียอย่าง แลกกันไป จึงไม่มีที่ไหนดีที่สุดนั่นเอง และก็ต้องดูเป็นคู่ๆกันไปอีกทีนึงด้วย